เพิ่ม
Care Skill
20 มิถุนายน 2019 10:48
ระดับ
Emerging

การเสริมศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีสำหรับเด็ก

การเสริมศักยภาพ มาจากแนวคิดของไวก็อตสกี้ (Lev Semenovich Vygotsky) เป็นบทบาทเชิงปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็กในการช่วยเหลือ แนะนำ สนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กเพื่อเสริมพื้นที่รอยต่อของพัฒนาการ (zone of proximal development) ให้เด็กที่กำลังแก้ปัญหาหรือเรียนรู้สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ปรับการสร้างความเข้าใจภายใน (internalization) ให้กลายเป็นความรู้ใหม่ของตัวเอง ช่วยเสริมให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและเชื่อมั่นในการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น

ระหว่างการใช้เทคโนโลยีของเด็ก เด็กจะมีปฏิสัมพันธ์ ผลป้อนกลับและการเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับบริบทของโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อครูสนับสนุนด้วยกระบวนการเรียนรู้และการช่วยเสริมความรู้ให้กับเด็ก  เด็กจะสามารถตอบสนองต่อเป้าหมายการเรียนรู้ที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น สามารถใช้ทักษะการคิดในระดับที่สูงขึ้นได้  ประเภทของการเสริมศักยภาพของครูในระหว่างการใช้เทคโนโลยีของเด็กออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. การเสริมศักยภาพทางปัญญา (cognitive scaffolding)

2. การเสริมศักยภาพทางเทคนิค (technical scaffolding)

3. การเสริมศักยภาพทางทัศนคติ (affective scaffolding)

เนื้อหาของบทนี้

การเสริมศักยภาพในการใช้เทคโนโลยี


1. การเสริมศักยภาพทางปัญญา (cognitive scaffolding)

ครูใช้การเสริมศักยภาพทางปัญญาเพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวแนวคิด ได้แก่ การตั้งคำถาม การทำเป็นต้นแบบ และการให้กำลังใจโดยการทำงานร่วมกับเพื่อน รักษาพลังของการเล่นเพื่อเรียนรู้ การเสริมศักยภาพนี้จะช่วยให้เกิดการใช้งานที่คล่องขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น เสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ วิธีการหนึ่งที่นำมาใช้คือการให้เด็กสร้างเรื่องราวของภาพเคลื่อนไหว โดยให้ทำงานแบบเดี่ยวหรือกลุ่ม เด็กเป็นผู้สร้าง กำหนด และแสดงเรื่องราวบนเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต โดยมีครูช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้คำศัพท์ใหม่ๆ และทำให้โครงสร้างของเรื่องมีความสมบูรณ์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น เด็กอาจเริ่มต้นจากการเรียนรู้ด้วยคำง่ายๆ เกี่ยวสัตว์ในฟาร์ม เช่น ไก่ โดยใช้ศัพท์ที่พบในชีวิตประจำวันหรือวาดภาพที่เป็นตัวแทนสัตว์เหล่านั้น ก่อนที่จะเพิ่มคำศัพท์อื่นเข้าไปและผูกคำศัพท์เป็นประโยคก่อนเชื่อมโยงแต่ละประโยคเป็นเรื่องราว

2. การเสริมศักยภาพทางเทคนิค (technical scaffolding)

ใช้คุณสมบัติของเทคโนโลยีในการสนับสนุนการเรียนรู้ เพื่อเอื้อต่อความเข้าใจและการแก้ปัญหา ตัวอย่างเช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถย้ายรูปทรงไปรอบๆ ได้ง่าย กิจกรรมในโปรแกรมช่วยให้เด็กเข้าใจรูปร่างอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะหมุนอยู่ในทิศทางใด หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลื่อนระดับขึ้นหรือลงได้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเด็ก เพื่อให้เด็กได้เล่นและเรียนรู้ในระดับความยาก-ง่ายที่เหมาะสมกับตนเอง

3. การเสริมศักยภาพทางทัศนคติ (affective scaffolding)

การสนับสนุนทางอารมณ์ช่วยสร้างกำลังใจ ความเชื่อมั่นในตนเองของเด็ก ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับของการคิดให้สูงขึ้น ครูอาจจะใช้ภาษาเพื่อช่วยเสริมกำลัง เช่น การยกนิ้วหัวมือให้เพื่อแสดงความชื่นชมเมื่อเด็กทำโปรแกรมในแต่ละระดับได้สำเร็จ หรือเมื่อเด็กติดปัญหาจากการใช้งานในระดับที่ยากขึ้นไป ไม่สามารถเลื่อนระดับได้ ครูอาจใช้คำพูดเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่น เช่น “ครูเชื่อว่าหนูทำได้” ขณะที่ตัวโปรแกรมต่างๆจะมีการให้การเสริมศักยภาพเชิงบวกทางทัศนคติที่มากับตัวละครในโปรแกรมอยู่แล้ว เช่น แสดงข้อความชื่นชมเมื่อประสบความสำเร็จ การให้ดาว ส่งเสียงแสดงความยินดีเมื่อตอบคำถามได้ถูกต้อง


ประเด็นการพิจารณ์การจัดประสบการณืสำหรับเด็กปฐมวัย


1. พัฒนาการ

    ความเหมาะสมกับอายุพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก

2. ตัวบุคคล

   ความเหมาะสมของเด็กแต่ละบุคคล ความสนใจและความต้องการ

3. สังคมและวัฒนธรรม

    ความเหมาะสมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของเด็ก


0 Like
ความคิดเห็น 0 รายการ

ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์